วิธีเลือกกุยช่าย


ทริคไม่ลับ กับเคล็ดดี ๆ เลือกซื้อ “กุยช่าย”
กุยช่าย เป็นหมักอีกหนึ่งชนิด ที่สามารถนำมาทำอาหารได้หลายหลาย ทั้งเป็นผักเคียง ขนมของว่าง หรือจะเป็นผักสำหรับผัด ถ้ามีกุยช่ายแบบสดใหม่มาทำอาหาร ก็จะช่วยเรียกรสชาติให้ดียิ่งขึ้นได้ แนะนำวิธีเลือกกุยช่ายให้สดใหม่
1 สังเกตสีสันของใบ กุยช่ายสดจะมีใบมีสีเขียวเข้มสดใส แต่เมื่อกุยช่ายเริ่มเหี่ยว หรือเก็บไว้นานเกินไป ใบจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และสูญเสียความสด รอยช้ำบนใบกุยช่ายเกิดจากการกระทบกระเทือน ส่งผลให้ใบเปลี่ยนสีได้เร็วขึ้น เมื่อเลือกซื้อกุยช่าย ควรเลือกต้นที่มีสีเขียวเข้มสม่ำเสมอท เส้นใบของกุยช่ายสดใหม่จะมีสีเขียวเข้มชัดเจน และไม่มีรอยด่าง และควรพลิกใบกุยช่ายดูด้านใต้ ใบที่สดใหม่จะมีสีเขียวอ่อน และไม่มีรอยจุดด่างดำ
2 ความกรอบของกุยช่าย กุยช่ายที่เก็บเกี่ยวมาใหม่ๆ จะมีความชุ่มชื้นและความกรอบสูง เนื่องจากเซลล์ภายในยังคงมีน้ำอยู่เต็มที่ กุยช่ายที่กรอบจะมีรสชาติหวานกรอบอร่อยกว่ากุยช่ายที่เหี่ยว วิธีสังเกตความกรอบของกุยช่าย ให้ลองกดเบาๆ ที่ลำต้นของกุยช่าย ถ้ารู้สึกแข็งกรอบ ไม่ยุบตัว แสดงว่ากุยช่ายสดใหม่ และสังเกตลำต้นของกุยช่ายจะมีสีเขียวเข้ม สดใสใบของกุยช่ายเรียบลื่น ไม่ขรุขระ หรือมีรอยฉีกขาด ขอบใบเรียบ ไม่เป็นคลื่น
3 ดมกลิ่น กุยช่ายสดใหม่จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆที่เกิดจากน้ำมันหอมระเหย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อกุยช่ายเริ่มเน่าเสีย จะมีการเปลี่ยนแปลงทางเคมีภายใน ทำให้เกิดสารประกอบที่มีกลิ่นเหม็น ไม่ควรนำมารับประทาน และหากกุยช่ายไม่มีกลิ่นเลย แสดงว่ากุยช่ายอาจสูญเสียความสดใหม่ไปแล้ว
4 ขนาดของกุยช่ายนั้นมีผลต่อทั้งรสชาติและความเหมาะสมในการนำไปปรุงอาหาร กุยช่ายที่มีขนาดพอดี มักจะมีรสชาติหวานกรอบอร่อยกว่ากุยช่ายที่เล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไป กุยช่ายที่เล็กเกินไปอาจยังอ่อนเกินไป ทำให้รสชาติจืดชืดและไม่กรอบ กุยช่ายที่มีขนาดพอดีจะมีความยาวของใบประมาณ 15-20 เซนติเมตร และมีความหนาของลำต้นประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร กุยช่ายที่เล็กเกินไปจะมีใบสั้นและลำต้นบาง ส่วนกุยช่ายที่ใหญ่เกินไปจะมีใบยาวและลำต้นหนา เพราะอาจมีส่วนที่แก่หรือเหนียว