เรื่องของทองคำเปลวในจานอาหาร


“ทองคำเปลว” บนจานอาหาร สร้างเอกลักษณ์ให้มีคุณค่าและมูลค่า
ทองคำเปลวในจานอาหาร การใส่ทองคำเปลวในอาหารบางประเภท ก็เพื่อเป็นการประดับตกแต่งจาน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเมนูอาหาร และทางด้านจิตใจช่วยให้อาหารจานนั้น ๆ น่ากินมากขึ้น เหมือนกับการแกะสลักผักแต่งจานให้สวยงาม
1 การนำทองคำมาใช้ประกอบอาหารและเครื่องดื่ม จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พบว่าโลหะทองคำบริสุทธิ์ จะไม่มีปฏิกิริยากับสารเคมีใดๆหรือต่อเซลล์ของร่างกาย เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรืออาการข้างเคียง สหภาพยุโรป ได้รับรองและอนุญาตให้ทองคำจัดอยู่ในกลุ่มสารเติมแต่งผสมในอาหารได้ ในประเทศเยอรมนีและยุโรปหลายประเทศ มีการนำแผ่นทองคำเปลวหรือในรูปผงบดละเอียดมาประยุกต์ใช้ตกแต่งอาหาร รวมทั้งการผสมในเครื่องดื่มยี่ห้อเก่าแก่ ในประเทศทางแถบเอเชีย เช่น บาหลี ก็มีการนำทองคำมาผสมในการทำขนมหวาน อย่างไรก็ตามเนื่องจากโลหะทองคำมีคุณสมบัติเฉื่อย จึงไม่มีปฏิกิริยากับสิ่งแวดล้อมในร่างกาย ดังนั้นจึงไม่มีรสชาติ และไม่มีคุณค่าทางอาหาร และจะถูกขับออกจากร่างกายได้โดยไม่ถูกเปลี่ยนแปลงใดๆ
2 ทองคำเปลว ที่เป็นของแท้ ผลิตด้วยช่างฝีมือตีจนทองคำที่มีค่าความบริสุทธิ์ 95.00-99.99 % จนเป็นแผ่นบางๆ ทำได้ยากและมีต้นทุนในการผลิตที่สูง จึงได้มีการผลิต “ทองคำเปลววิทยาศาสตร์” ที่ใช้สารประกอบจำพวกไฮโดรคาร์บอนและธาตุโลหะหนักอื่นๆมาแต่งสี และลักษณะให้มีความคล้ายคลึงกับทองคำเปลวแท้มากที่สุด การใช้ทองคำเปลววิทยาศาสตร์ หากนำไปใช้เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ ประโยชน์อื่นๆ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่หากนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร หรืออุตสาหกรรมความงาม อาจจะส่งผลต่อร่างกายได้ เพราะมีโลหะหนักผสมอยู่ อาจจะสะสมและเป็นพิษต่อร่างกายได้ ทำให้เกิดโรคพิษโลหะหนักตามมา หากได้รับในปริมาณที่มากและสะสมมาเป็นระยะเวลานาน
3 ถ้าจะนำทองคำเปลวมาใช้ในการตกแต่งอาหาร จึงต้องเป็นทองคำแท้แบบ food grade เท่านั้น วิธีสังเกตุ ให้เอานิ้วแตะทองมาเล็กน้อย แล้วใช้นิ้วบี้ทอง ถ้าเป็นทองแท้จะเป็นผงจางหายไป ถ้าไม่แน่ใจไม่ควรรับประทาน