เคล็ดลับก้นครัวเคล็ดลับอื่นๆ 1 ก.ย. 68

เรามารู้จัก “เรื่องของพริกหวาน” กันเถอะ!

Share :

เรามารู้จัก “เรื่องของพริกหวาน” กันเถอะ!

พริกหวาน  หรือ Bell pepper, Sweet pepper หรือเรียกอีกชื่อว่าพริกยักษ์, พริกระฆัง, พริกตุ้มใหญ่  ผลมีลักษณะกลมยาว มีขนาดใหญ่ ในผลจะประกอบไปด้วยสารให้ความเผ็ดหรือ Capsaicin ในปริมาณที่ต่ำมาก ส่วนผลนั้นโดยทั่วไปจะเป็นสีเขียว ถ้าปล่อยให้แก่บนต้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่บางสายพันธุ์ที่ถูกปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมาใหม่ อาจจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีส้ม หรือสีม่วงก็ได้   

พริกสีเขียวจะประกอบไปด้วยสารคลอโรฟิลล์ พริกสีแดงหรือเหลืองจะเกิดจากเมล็ดสีแคโรทีนอยด์ ส่วนพริกสีม่วงจะเกิดจากเม็ดสีแอนโธไซยานิน และสีน้ำตาลจะเกิดจากการผสมระหว่างคลอโรฟิลล์ ไลโคปีน และเบต้าแคโรทีน ผลแก่ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง เหลือง ส้ม หรือม่วง จะมีปริมาณของวิตามินเอสูงกว่าเดิมถึง 10 เท่า และมีวิตามินซีสูงกว่า 2 เท่า ซึ่งพริกหวานสีเหลืองจะมีวิตามินมากกว่าพริกหวานสีส้มถึง 4 เท่า

1 พริกหวาน  มีรสชาติหวานและไม่เผ็ด สามารถนำมารับประทานสดในสลัดหรือนำมาผัดกับผักชนิดอื่น ๆ หรือนำมาใช้กับเนื้อสัตว์ ยัดไส้เนื้อหมู ชุบแป้งทอด หรือนำไปอบหรือนึ่งก็ได้  อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมสูง พริกหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้  สารแคปไซซินสามารถช่วยยับยั้งอนุมูลอิสระได้ จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือด และโรคต้อกระจก

2  พริกหวานช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย และช่วยทำให้เจริญอาหาร โดยสารแคปไซซินจะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำลาย เมื่อร่างกายได้รับสารแคปไซซิน ร่างกายจะสร้างสารเอ็นโดรฟีนที่ช่วยในการผ่อนคลายความเครียด พริกหวานยังอาจสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ เพราะทำให้หลอดเลือดอ่อนตัวและช่วยทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดเป็นได้ด้วยดี  

3 พริกหวานยังมีสรรพคุณช่วยแก้อาเจียน ช่วยขับเหงื่อ ขับเสมหะ และช่วยขับลม ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น