เคล็ดลับก้นครัวเคล็ดลับอื่นๆ 23 พ.ค. 68

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับชาเขียวมัทฉะ

Share :

รู้จัก “มัทฉะ” ผลผลิตจากต้นชาเขียว

ชาเขียวมัทฉะผลิตจากใบชาสายพันธุ์เดียวกันกับชาเขียว  แต่จะปลูกโดยให้ร่มเงาแก่ต้นชาเป็นส่วนใหญ่ ช่วยเพิ่มการผลิตคลอโรฟิลล์ เพิ่มปริมาณกรดอะมิโน และทำให้ใบชามีสีเขียวเข้ม จากนั้นจึงนำมาเข้าสู่ขั้นตอนการบดเป็นผง โดยนำใบชาที่แห้งจากการผ่านความร้อน มาบดทั้งใบโดยไม่มีการแยกกากออก ส่งผลให้ชาเขียวมัทฉะอุดมไปด้วยประโยชน์มากมาย ขณะเดียวกันก็ได้รสชาติขมของคลอโรฟิลล์ปนออกมาด้วย จึงมีความเข้มข้นของชาเขียวสูง มีคาเฟอีนสูงกว่า และให้สารอาหารที่มากกว่าชาเขียวทั่วไป 5-10 เท่า

1 เนื่องจากมัทฉะผลิตจากต้นชาเขียวที่ปลูกในที่ร่ม จึงมีการป้องกันการเปลี่ยนสารแอล-ธีอะนีน ในใบชาเป็นคาเทชินเมื่อโดนแสงแดด ทำให้ชาเขียวมัทฉะมีสารแอล-ธีอะนีนสูงกว่าชาเขียว ซึ่งส่งผลให้มีรสชาติที่ดีกว่าด้วย อีกทั้งคุณสมบัติพิเศษของสารนี้ที่ช่วยลดสภาวะความเครียดทางจิตใจ ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย เพิ่มสมาธิ ช่วยลดความดันโลหิตได้ 

2 ชาเขียวมัทฉะยังมีสารสำคัญเช่นเดียวกับที่พบในชาเขียว  ทำให้สามารถต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งอุดมไปด้วยวิตามิน A, วิตามิน C และวิตามิน E ที่ดีต่อดวงตาและผิวพรรณ

3 วิธีชงชาเขียวมัทฉะ  เป็นการชงแบบชาร้อน ส่วนผสม ผงชาเขียว 2 กรัม ต่อน้ำร้อน 80 องศาเซลเซียส 70 มิลลิลิตร  เริ่มจากการอุ่นถ้วยชงชา โดยเทน้ำร้อนลงไป หมุนถ้วยชงชาให้รอบจากนั้นเทน้ำทิ้ง ใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง ตักชาเขียวลงไปในตะแกรงเพื่อกรองชาให้ละเอียด จากนั้นเทน้ำร้อนลงไป  ตีให้ผงชาเขียวละลาย โดยการใช้แปรงตีชา (Chasen) ตวัดขึ้นลงเป็นรูปตัวเอ็ม ตีไปเรื่อยๆ โดยเพิ่มความเร็วเพื่อทำให้เกิดฟองละเอียด  จากนั้นนำไปเสิร์ฟได้เลย การดื่มชาเขียวมัทฉะ เนื่องจากผงมัทฉะไม่ละลายในน้ำ จึงต้องรีบดื่มทันทีหลังชงในขณะที่ผงชายังไม่ตกตะกอน            

4 ไม่ควรใช้น้ำที่ร้อนจัดเกินไปในการชง เพราะอาจทำให้รสชาติชาเขียวมัทฉะขมหรือฝาดได้ ตะกอนสีเขียวที่ตกอยู่นั้น คือใบชาที่บดไม่ละเอียด  ตะกอนที่แสดงถึงใบชาแท้ ก็คือตะกอนสีเขียวเข้ม ออกดำ ถ้าเป็นตะกอนสีขาว แสดงว่าผงมัทฉะนั้นได้มีส่วนผสมอื่นลงไปด้วย เช่น แป้ง นมผง หรือ อื่นๆ ลงไป ซึ่งไม่ใช่ผงมัทฉะแท้