เคล็ดลับก้นครัวเคล็ดลับการปรุงอาหาร10 พ.ค. 67

เรื่องของข้าวโพดคั่ว

Share :

เคล็ดไม่ลับกับครัวคุณต๋อย ตอน “เรื่องของข้าวโพดคั่ว”

ข้าวโพดคั่วหรือป็อบคอร์น ข้าวโพดคั่วเกิดขึ้นในโลกมามากกว่า 5600 ปีแล้ว โดยมีต้นกำเนิดจากชาวอินเดียนแดงที่คั่วข้าวโพดกินเป็นอาหาร และก็มีการดัดแปลง ปรุงแต่งรสชาติให้น่ากินมากยิ่งขึ้น

1 วิธีการคั่วข้าวโพดมีอยู่สองวิธี คือคั่วแห้ง และคั่วเปียก  วิธีคั่วแห้ง เป็นการให้ความร้อนด้วยลมร้อนซึ่งจะทำให้ความชื้นในเมล็ดข้าวโพดกลายเป็นไอ ซึ่งจะดันเมล็ดให้แตกและขยายตัวออก ความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้ข้าวโพดสุกในเวลาต่อมา แล้วจึงคลุกเคล้าด้วยน้ำมันและเกลือ

2 วิธีคั่วเปียก เป็นวิธีที่นิยมใช้ทุกวันนี้ เป็นการให้ความร้อนด้วยน้ำมัน ด้วยการใส่เมล็ดข้าวโพด น้ำมัน และเกลือเข้าในหม้อคั่ว ความร้อนจะทำให้ความชื้นในเมล็ดกลายเป็นไอ ทำให้เมล็ดข้าวโพดพองตัวและขยายตัวออก หรือวิธีที่ใช้กันทั่วไปคือ คั่วโดยการนำเนยใส่ลงในหม้อตั้งไฟจนเนยละลาย แล้วใส่ข้าวโพด ปิดฝาหม้อไว้ พอข้าวโพดเริ่มแตกให้เขย่าหม้อ 2-3 ครั้ง จนข้าวโพดแตกจนทั่ว จึงเปิดฝาและโรยด้วยเกลือป่น

3 ข้าวโพดคั่วแบบแห้ง หรือการใช้ลมร้อน โดยไม่มีสารปรุงแต่งใดๆ จะให้พลังงานที่ 30 แคลอรี่ต่อการบริโภค 1 ถ้วย (128 กรัม) และมีประโยชน์คุณค่าทางอาหาร เนื่องจากข้าวโพดเป็นธัญพืชเต็มเมล็ดที่ประกอบด้วยสารอาหารมากมาย มีไฟเบอร์สูง อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินบี วิตามินอี แมกนีเซียม และแมงกานีส ปริมาณเส้นใยสูงในข้าวโพดคั่วช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำย่อยและการเคลื่อนไหวของลำไส้ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

4 ข้าวโพดคั่วมีไฟเบอร์สูง จึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินได้ดี ช่วยป้องกันการเป็นเบาหวาน ทั้งยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในลำไส้เล็ก ป้องกันการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ง่าย ลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง

5 ข้าวโพดคั่วมีสารประกอบโพลีฟีนอลที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยและจุดด่างดำ ลดความเครียดและต่อสู้กับโรคเรื้อรังต่าง ๆ อาจช่วยต้านมะเร็งได้อีกด้วยการปรุงเนยและน้ำมันในข้าวโพดคั่วทำให้สารต้านอนุมูลอิสระในข้าวโพดคั่วลดลง และเพิ่มปริมาณไขมันและแคลอรี่ในร่างกาย จึงควรแต่งเติมรสชาติให้น้อยที่สุด