เคล็ดลับก้นครัวเคล็ดลับอื่นๆ 30 ธ.ค. 65

กินเพื่อป้องกันโรค

Share :

เคล็ดไม่ลับกับครัวคุณต๋อย ตอน “เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการกินเพื่อป้องกันโรค”

อาหารและเครื่องดื่ม ที่เรานำมาแปรรูปเพื่อบริโภคแล้ว ในบบรรดาวัตถุดิบเหล่านั้น ยังเป็นยาชั้นดีในการป้องกันโรค ที่เกิดจากภาวะเสื่อมของร่างกายอีกด้วย

1 ชาป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้    โดย ดร. เอ็ด โอเคลโล่ แห่งศูนย์วิจัยสมุนไพร มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ของประเทศอังกฤษ ได้รายงานผลการวิจัยว่า การดื่มชาเขียว หรือชาดำวันละ 1 ถ้วยทุกวัน สามารถยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ เพราะ ในชาเขียว และชาดำ มีสารที่ช่วยยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้การดื่มชาเขียวยังสามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเบต้าซีเครเทส  ที่เป็นขั้นตอนในการผลิตตะกอนโปรตีนในสมอง อันเป็นสาเหตุของการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ แต่จะต้องดื่มชาเขียวอย่างน้อย  1 อาทิตย์ถึงจะเห็นผลดี  โดยชาดำจะได้ผลที่ดีกว่า  

2 ผักจำพวกกะหล่ำทานนึ่งดีกว่าต้ม  นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอร์วิค ประเทศอังกฤษ พบว่า ผักจำพวกกะหล่ำ มีสาร “กลูโคซิโนเลตส์”  ที่มีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ และปอดลงได้ถึง 60%  และ การต้มผักอย่างบร๊อคโคลี่ กะหล่ำปม กะหล่ำดอก จะทำให้สารดังกล่าวลดลงถึง 75%   ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาสารตัวนี้ไว้ จึงแนะนำให้นึ่งผักประมาณ 20 นาทีเท่านั้น เพื่อรักษาคุณค่าทางสารอาหารเอาไว้ และรักษาคุณค่าในการป้องกันโรคมะเร็งไว้ได้ถึง 80%

3  กินปลาลดความเสี่ยงหูตึง  โดยผลงานวิจัยที่เผยแพร่ใน American Journal of Clinical Nutrition พบว่า หากรับประทานเนื้อปลาที่มีกรดไขมัน omega-3 อย่างน้อย 2 มื้อต่อสัปดาห์ จะช่วยลดความเสี่ยงหูตึงเนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นได้ถึง 42% เพราะช่วยให้เลือดไหลไปหล่อเลี้ยงหูได้สะดวกขึ้น   นอกจากนี้กรดไขมัน omega-3 นั้นประกอบด้วย สาร (EPA) และ สาร (DHA) ที่มีประโยชน์ในการป้องกัน หรือลดความรุนแรงของโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคข้ออักเสบ ปวดศีรษะ ไมเกรน และพบมากในปลาทะเล เช่น ปลาทูน่า ปลาอินทรี ปลาแซลม่อน ปลาแมคคาเรล และปลาเทราท์ แต่การได้รับกรดไขมัน omega-3 มากเกินไปอาจมีผลเสียอื่นต่อร่างกาย ได้เช่นกัน  ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสมดุล ปริมาณการรับประทานที่แนะนำ คือ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง