เคล็ดลับก้นครัวเคล็ดลับอื่นๆ 17 มิ.ย. 65

กินโยเกิร์ตอย่างไรให้ได้ประโยชน์

Share :

เคล็ดไม่ลับกับครัวคุณต๋อย ตอน “กินโยเกิร์ตอย่างไรให้ได้ประโยชน์”

โยเกิร์ต ผลิตภัณ์แปรรูปจากนม อีกหนึ่งชนิดที่ดีต่อสุขภาพ การจะกินโยเกิร์ตให้ได้ประโยชน์จะต้องทำอย่างไรบ้าง ครัวคุณต๋อยมีแนวทางมาแนะนำ

1 เลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ไร้สารปรุงแต่ง  โยเกิร์ตมีหลากหลายรสชาติให้เลือกตามความชอบ แต่โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งเติมรสคือโยเกิร์ตที่คงคุณค่าไว้ได้เต็มที่ เนื่องจากโยเกิร์ตรสผลไม้จะมีส่วนผสมเพิ่มเติมอย่าง ผลไม้เชื่อมหวาน วุ้น และส่วนผสมอื่นๆ ควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติไขมันต่ำและมีส่วนผสมเรียบง่ายจะเป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพที่สุด

2 ไม่ควรแช่แข็งโยเกิร์ต  การนำโยเกิร์ตไปแช่เย็นจัดจนกระทั่งได้เนื้อสัมผัสแบบไอศกรีม อาจจะส่งผลให้เชื้อจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์  ไม่สามารถเจริญเติบโตและลดทอนคุณประโยชน์ของโยเกิร์ต

3 กินโยเกิร์ตให้ตรงตามนาฬิการ่างกาย การกินโยเกิร์ตในแต่ละช่วงเวลาจะส่งผลต่อร่างกายแตกต่างกัน ในช่วงเช้า (ตั้งแต่ 7 นาฬิกา – 9 นาฬิกา) โยเกิร์ตซึ่งอุดมด้วยวิตามินบี 2 , บี 5, บี 12 , แคลเซียม, ฟอสฟอรัส, ทริพโตเฟน, โพแทสเซียม และ เกลือแร่ สูงจะช่วยให้กระเพาะอาหารทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นตื่นตัว 

 ส่วน ในช่วงกลางวัน (11 นาฬิกา – 13 นาฬิกา) โยเกิร์ตจะช่วยปรับสมดุล ทำให้ลำไส้ทำงานเบาลง   ในช่วงเย็นถึงค่ำ (18 นาฬิกา – 19 นาฬิกา) การกินโยเกิร์ตหลังมื้อค่ำจะช่วยเสริมประสิทธิภาพระบบการย่อยอาหารมากขึ้น และช่วยให้หลับง่าย

4 ปริมาณการใช้โยเกิร์ต ในการรักษาหรือป้องกันโรคตามการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่มีและพบว่าน่าจะปลอดภัย แนะนำดังนี้ การบรรเทาอาการท้องเสีย รับประทานโยเกิร์ตที่มีแลคโตบาซิลลัสคาเซอิ วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 125 กรัม  การใช้เพื่อช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล โยเกิร์ตที่ใช้ทดลองโดยทั่วไป คือ โยเกิร์ตที่ประกอบด้วยแลคโตบาซิลลัสแอซิโดฟิลัส รับประทานวันละ 200 มิลลิลิตร ส่วนการใช้ ป้องกันการติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด โดยทั่วไปทดลองโดยให้รับประทานโยเกิร์ตที่มีแลคโตบาซิลลัสแอซิโดฟิลัส ในปริมาณวันละ 150 มิลลิลิตร

เคล็ดลับอื่นๆ อื่นที่คุณอาจสนใจ